วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พาหนะที่ร้ายแรงย่อมติดมากับสัตว์ที่แพร่เชื้อ ตอนที่ 2

พรายอย่างลบายอารมณ์ นางฟ้าก็ยิ้มแย้มแจ่มใสและชม้อย ซม้ายชายตากันสังเกตดูองค์เทวดาอย่างสุขใจดุจเดียวกันถ้าจะคำนวณเวลา ที่วิญญาณอาตมามาชมการร่ายรำของเหล่า นางฟ้าเทพอัปสรคาดว่าประมาณคริ้งชั่วโมงเห็นจะใด้ ต่อแต่นั้นนางฟ้า ก็ค่อยๆ ทยอยกันกลับหลังหันลอยไปยังปราสาทชองตนทีละนางลอง นางจนหมดลิ้นโดยไม่เหลียวหลังมามองอาตมาสักนางเดียว ทำให้ เรามองตามจนสุดสายตาอย่างอาลัยเมื่อเหล่านางฟ้ากลับสู่สถานทิพย์พิมานของแต่ละนางแล้ว เรือ ที่อาตมานั่งก็ลอยมาอยู่ตรงพระพักตร์ของเทวดาอีกครั้งหนึ่งเมื่อเทวดา เห็นอย่างนั้นก็สั่งคนที่นั่งอยู่ตอนท้ายเรือว่า ‘‘พาเขาไปส่งได้แล้ว กับดักหนู  เมื่อวิญญาณได้ยินดังนั้นก็สุดแสนเลียดาย อาลัยไม่อยากกลับ แต่นึกในใจว่าวาสนาเรายังน้อยเพียงแต่ได้เห็นเท่านี้ก็เป็นบุญตาแล้ว อาตมานั่งถอนใจใหญ่และดูโน่นดูนึ่ไปรอบๆ เพื่อจดจำไว้เป็น ขวัญตาขวัญใจ เพียงประเดี๋ยวเดียวเรือก็ค่อยๆ ลอยลดตํ่าลงมาจน ถึงยอดไม้ แล้วก็หยุดนิ่งที่โคนต้นไม้เดิมก่อนที่อาตมาจะขึ้นไปนั่นเอง อาตมาก็ลงจากเรือ แล้วเรือลำนั้นก็ลอยกลับขึ้นสู่สวรรค์ชั้นฟ้า อีก อาตมามองตามจนสุดลายตาด้วยความอาลัยดั่งใจจะขาดดิน วิญญาณอาตมาก็เดินทางต่อไป คราวนี้รู้สึกว่าเดินลบายไม่เจ็บปวด ที่ใดเลย ไม่นานนักก็ไปพบวัดร้างวัดหนึ่งวัดนี้ดูเหมือนไม่มีพระ เงียบสงัดไปหมดเลยแต่ก็มืศาลาวิหาร โรงธรรมประดับประดาแต่งอย่างสวยงาม รอบๆ วัดมีต้นไม้เขียว ชอุ่มไปทั้งนั้น พออาตมาเดินมาใกล้วิหาร จึงได้เห็นหมู่สงฆ์เดินออกมาจาก ป่าหลังวิหารนั้นประมาณ 4-5 รูป อาตมาเห็นดังนั้นก็พลันยกมือ ขึ้นไหว้แล้วนั่งลงกราบที่พื้นอีกครั้งพระสงฆ์รูปที่เดินนำหน้าก็ตรงเข้ามาพยุงแขนอาตมาให้ลุกขึ้น ยืนแล้วพาเข้าไปในวิหาร ลัดการจุดธูปเทียนบูชาพระเสร็จแล้วรูปที่อยู่ ข้างหลังก็ออกไปจนหมด เหลือแต่รูปที่นำอาตมาเข้ามาในวิหารแล้ว บอกว่าต่อไปนี้คุณจะได้บวชแล้ว  ไล่หนูบนเพดาน และหมดเคราะห์หมดโศกกันเสีย ที จะได้บวชภายในไมกวนนี้พูดจบก็เดินออกจากวิหารนั้นลับหายเข้าไปในป่าอีก เมื่อพระไปกันหมดแล้วอาตมาก็เดินต่อไป อาตมาเดินเข้าป่า แห่งหนึ่ง ภายในป่านี้ร่มเย็นสบายดี เมื่อจวนจะพ้นป่าอาตมาก็มอง ไล่หนูไฟฟ้า  เห็นกลุ่มควันอยู่เบื้องหน้าเต็มไปหมด ก็ร็บเดินเข้าไปดูเพื่อจะได้ทราบ ว่าเป็นอะไรกันแน่พอเข้าใกล้ก็แลเห็นเป็นเหวลึก ภายในเหวนั้นเห็นเป็นกองไฟอยู่ หลายแห่ง ใกล้ๆ กองไฟนั้นมองเห็นสิ่งมืชีวิตเดินอยู่เป็นฝูงๆ คล้าย วัวควายแต่ตัวเล็กกว่า มองดูไม่ถนัดเพราะอาตมาอยู่สูงและมืดมัวเป็น หมอกเป็นควันไปหมด

เครื่องไล่หนู

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เทคนิคการผลิตเชือกกระโดดแบบพีวีซี ตอนที่ 1

อะลิฟาติกนํ้าบางพุทราเสียให้เขิน ถึงมิตื้นเต็ม แต่ซาวไทยตลอด ลำนํ้าก็จะได้ซี้แก่กุลบุตรผู้เยาว์ ที่เกิดต่อมาภายหลัง ได้เต็มปากว่า เหวย ลูกหลาน ลำนํ้าซี่งเจ้าอาลัยนี้ แล ทหารไทยต้อนพลหงสาวดีมาถมไว้เป็นสมบัติให้ แก่ลำนํ้ามากมายนัก กล่าวอย่าง นี้ ถ้ากระทรวงสิงแวดล้อมได้ยินคงหนาว เพราะขุน เสมา ท่านได้ทำลายสิงแวดล้อมทางนํ้าอย่างสาหัส เชือกกระโดดยี่ห้อไหนดี  อาจจะต้องถูกฟ้องร้องเสียค่าปรับแย่ถ้าพูดถึงสำนวนปลุกใจให้รักชาติกันละก็ ข้าพเจ้าก็พอ จะยกมาลักตอนคือ  ตอนที่หลบหนีอาญาแผ่นดิน ฐาน ทำร้ายร่างกาย หมู่ขัน พันพุฒ ที่วัดป่าพาย แล้วได้ บารมีพระครูขุนส่งไปหลบซ่อนตัวอยู่เมืองวิเศษไชย- ชาญ ต่อมาเมื่อพระเจ้าเชียงใหม่ยกกองทัพมาเพื่อ ร่วมกับหงสาวดี ล้อมกรุงศรีอยุธยา เสมาจึงเข้าอาสา คืกได้รับไพร่พลจากขุนฤทธิ้พิชัย  แม่กองของทัพพระ ยาสุโขทัย ร่วม  คนนำเข้าบุกตัดทัพพม่า เสมา ก็ปลุกใจพื่น้องซาวบ้านที่มาอาสาเป็นกองโจรว่า “พี่ น้องทั้งหลายเอ๋ย ข้าพเจ้าเสมาทหารหลวงสมเด็จ พระราชโอรสองค์นเรศวรเป็นเจ้า จักนำเพื่อนเข้า ตะลุมบอนไม่ต้องถอยไม่ต้องพรั่นทัพหนี่งกำลังหนุน มาแล้ว บ้านี้เมืองนี้ไทยเป็นเจ้าของบ้าน เมื่อเพื่อน หงสาวดีท่านมาเยือนเราด้วยดาบ เราก็ต้องรับแขก ด้วยดาบวันนี้ต้องตะลุย ให้ถึงบ้านสระ เกษของเราคืน ไปรับมิ่งขวัญ พ่อแม่ปูและลูกเล็กพี่น้อง ภริยาท่าน อันเป็นเชลยเข้าอยู่บ้านสระเกษโน่น ใครถอยไม่ใช่ ไทย เพราะจะถอยไปเป็นทาส อ้าใกล้แล้ว ถอด ดาบ แล้วตามรอยไอ้เสมาไป ถึงจะตายก็เรียงทุ่งนอน ตากผืนแผ่นดินเป็นผีรักษาบ้านเรา แล้วดาบดิกสอง มือซึ่งนับชีวิตมิถ้วนแล้วก็ถอดกวัดแกว่ง อีกสักร้อย เศษของเหล่าพลก็เสืยงกร่างปาพลอาสารังควานครัว ของสเรนันทสูก็ตกมาปลายทุ่ง มุ่งแต่ว่าครัวเรือนบ้าน สระเกษหายเข้าปานี้ เสมาก็ตะโกนขึ้นโห่ ตะลุมบอนความอ่อนน้อมถ่อมตนอีกอย่างหนี้งที่เสมาประพฤติ เป็นนิสัย ไม่ว่ากับใคร แม้จะได้ยศตักดิ้สูงส่งปานใด ก็ไม่ยกตนนอกจากกับดิตรู แม้แต่กับไพร่เลวควาญ ข้าง ตอนที่ไปเยี่ยมเยือนขุนคงคซบาล และเที่ยว เดินตามหาขุนท่านนั้นดั่งคำสนทนาที่ท่านรจนาไว้ว่า “อ้อ...กระโดดเชือกเพิ่มกล้าม   เอาอย่างนี้ดีกว่าน้องชาย เจ้าเข้าไปเรียนแก่ อกขุนครูท่านเสียก่อนว่า เราซื่อเสมากับขุนแกล้ว กลางณรงค์ และขุนจงใจรบ รวมสามคนด้วยกัน จัก มาเยือนท่าน” เจ้าควาญข้างโรงพระคชาธารข้างด้น ก็พลันหนาวซู่ไปทั้งตัว จ้องหน้าพิจารณาไปแต่ละ


เชือกกระโดด


หนูคือสิ่งที่มีเชื้อโรคต่างๆอยู่ในตัวซึ่งมักจะชอบอยู่ตามท่อระบายน้ำ

ทราบซึ้ง ในความจริงเซ่นคำหลวงพ่อแล้ว ทั้ง!!เมือแลยศตักดิ้ แล้วภิกษุหนุ่มผู้เคยรุ่งเรืองมาก็ถอนใจใหญ่ปลง อนิจจังไปกับความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของโลก อีก ครู่เดียวตะวันก็ตกดินลับหายไปจากขอบฟ้า แลคอย เพลารุ่งอรุณอีกวนเวียนอยู่เซ่นนี้ ตามสภาวะแห่ง ความหมุนเวียนเซ่นเดียวกับชีวิตของมนุษย์ท่านสุมทุม บุญเกื้อ ท่านจบบริบูรณ์ของท่านอย่างนี้ แลนี่แน่ซัดแล้วคือ ยอดแห่งพระธรรมขององค์ พระบรมศาสดาของซาวเราขุนจำๆ  เครื่องไล่หนูในบ้าน   หนูบ้าน   ข้าพเจ้ายัง ยากำจัดหนู ไม่สนิทใจในตัวละครของท่านไม้ เมืองเดิมและท่าน สุมทุม บุญเกื้อ ในแง่ของคุณธรรมลักเท่า ใดนัก ไม่ว่าจะเป็นเสมา พ่อขุนตัก จะมีก็แต่พระครู ขุน ก็ยังมีข้อตำหนิที่ท่านสอนเพลงอาวุธ ซึ้งเท่ากับ ประสาทวีซาฆ่าคนให้แก่ตัษย์ ไม่น่าจะเป็นจรืยวัตร อันสมควรแก่สมณสารูปโอ! ขุนจำ ท่าน เรื่องนี้ขุนท่านต้องยกเว้นลักน้อย แล้วล่ะ ต้องยอมยกให้ท่าน เพราะบ้านเมืองกำลังต้อง การทหาร เพื่อความมั่นคงและสมัยนั้นการคืกษาทุก วิชาล้วนอยู่ในวัด โดยเฉพาะหลังเสียกรุงนั้น ท่านผู้ มืเ!เมือต่างก็หนีไปบวชกันสินใช่จักเกรงข้าคืกอริราซ- ตัดรู แต่เกรงราชภัยจากกษัตริย์ที่อ่อนแอแลชอบแต่ จะเชื่อพวกมนุษย์สอพลอ แวดล้อมพระองค์ท่านต่าง หาก ถึงกระนั้นเลือดรักชาติของท่านก็ยังมื จึงอดเสีย มืได้ที่จะถ่ายทอดสรรพวิชาการให้คนรุ่นหลังไว้ปก ป้องแผ่นดินไว้ให้เป็นมรดกถึงรุ่นหลังชื่งกันดีกว่า อาจารย์บ่ายบ้านเผาข้าว ครูของพวกณรงค์วิชิต วิเศษสรไกร โขอยู่นะขุนจำ ท่าน ท่านพระครูขุนเป็น ตัวแทน ของวิญญาณครูอย่างแท้จริง คือท่านมีความ ผูกพันกับคืษย์สิงไรที่เกี่ยวกับคืษย์แล้วท่านไม่ละเลย เทียวแหละ ดูแต่ตอนที่ หลวงณรงค์วิชิต กับ ขุนแกล้ว กลางณรงค์ สิน กับ ขุนจงใจรบ สมบุญ สองคืษย์ และหนี้งญาติ ชื่งเป็นเพียงคนของลูกคืษย์ท่านก็ยัง ห่วง หนี้งหลวงแลสองขุนนั้นไม่ประสีประสาเรื่อง ฤกษ์ยาม การเดินทัพ ชื่งต้องมีทั้งฤกษ์บนที่ต้องลังเกต จากเมฆในท้องฟ้า พระอาทิตย์ ดาว แลฤกษ์ล่าง เช่น กระแสลม ภูมิประเทศ ท่านจะทราบด้วยฌาณของ ท่านหริออย่างไรไม,แจ้ง แต่ท่านก็มาช่วยในขณะที่ทุกคนกำลังว้าวุ่นสะทกสะท้านเรื่องนี้อยู่แทบจะเป็นบ้า กำจัดหนูธรรมชาติ  ตาย เพราะจะเดินทางไปหาข่าวทางเมืองไทใหญ่ตาม พระบรมราชโองการ แต่ดูฤกษ์ยาม่โม่เป็น ท่านสุมทุม บุญเกื้อ เขียนไว้ว่า..พี่หลวง! นั่นเห็นไหม จงใจรบเขย่าแขนณรงค์วิชิต อะไรบนตลิ่งนั่น หลวงพ่อมิโซ่หรือ จงใจรบซี้ไปบนตลิ่ง ยังมิ'วาบขนลุกเกรียว “เห็นไหม ท่านยีนสงบนั่งอยู่ใน เงาไม้นั่น... ฉันจำได้แน่ทีเดียว”ณรงค์วิชิตเพ่งสายตาไปที่ร่างนั้นซึ่งยีนสงบนั่งไม่ไหว ดิง ประหนั่งรูปปันแลชั่วครู่นั้น หลวงณรงค์วิชิตก็รู้ลัก เสมือนว่า เรือนร่างที่ตะคุ่มอยู่ในเงาไม้มิดมองเห็นมิ ถนัดอยู่แต่แรก ค่อยทุ กระจ่างแจ่มซัดขึ้น จนเห็น ถนัดซัดเจนเป็นพระครูขุนภิกษุชราแก่กล้าด้วยอาคม “ใช่แล้วหลวงพ่อ ณรงค์วิชิตถลันยีนพูดนํ้าเลัยงตื่น เต้นเกรียวหนาวซู่ไปทั้งตัว ขึ้นไปหาท่านเถิดพ่อ สมบุญ กำลังรำลึกถึงท่านอยู่ทีเดียวฮือ พ่อสมบุญ เรารอดตัวแน่แล้ว หลวงพ่อมาช่วยผิดกับอาจารย์บ่ายของวิเศษสรไกร นะขุนคม ท่านโอ้ย... รายนั้นมิพักเอ่ยถึงเซียว ดูเถอะแม่แต่ลูกคิษย์ ก้นกุฏิเขาเองก็นินทาอาจารย์เสียป่นไปเลยแหละ เป็น ตัวแทนของครูที่แย่มากๆ ทีเดียว ซื่งในความเป็นจริง ในสังคมก็มินะขุนจำ ท่าน ข้าพเจ้าอดสี'งเวชเสียมิ ได้ที่หลายตอนอาจารย์บ่ายลำเลิกบุญคุณจากลูกดีษย์ และแสดงถึงความมักมากในลาภสี'กการะ เซ่น ตอน ที่ณรงค์วิชิต และวิเศษสรไกร จะไปค์กละแวก แล้ว ให้ทับทิมพันเดชสังหารไปเชิญให้มาอวยพรนั้น อาจารย์คนนี้ต้องไปเชิญไม่มาเอง เหมือนพระครูขุน หรอก มาแล้วก็ลำเลิกบุญคุณเอากับสองดีษย์ว่า เครื่องไล่หนูไฟฟ้า จริงนะพ่อพุฒขุนวิเศษไม่เห็นหรือ ถ้าหากฉันจะ นอนอยู่เสียที่บ้าน แล้วก็แสนสุขสบายไม่เดือดร้อน ต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งเงินทองของกำนัลจากลูกดีษย์ลูก หายามนี้ ก็ไต้อยู่แทบจะทุกนาพักา ยังอุตส่าห์สละ เพราะคิดเป็นห่วงอยู่ทั้งสองคน มิไต้คิดเห็นแต่ฝ่าย ประโยชน์ ข้าพเจ้าเป็นเกณฑ์ เซ่นนี้แล้วขุนณรงค์ มิทันจะให้ไต้พักตั้งสดีไต่ถาม ก็ซี้หน้าตำหนิพลอย เสียไปด้วยกัน

วิธีกำจัดหนู